Powered By Blogger

ป้ายกำกับ

กลุ่มหนองฉาง 4 ทัศนศึกษาโคราช (2) "รวมเว็บที่เคยใช้ไว้ที่นี่" (1) 10 หลุมดำเรื่องกิน (1) by myself (1) กรรมการเก็บรักษาข้อสอบ (1) การพัฒนาสมอง (1) ขอบคุณค่ะ (จากผู้สมัครสอบ) (1) จะเออร์ลี่จริงหรือ เสียดายนะ (1) จำนวนผู้สมัคร สพม.42 (1) จำนวนผู้เข้าสอบบรรจุครู สพท.อน.2 (1) ทัศนศึกษาวันเด็ก 54 (1) ท่องเทียว"ภูชี้ฟ้า" (1) ธรรมทัศนาจร สุโขทัย พิษณุโลก (1) บุหรี่ สังคมรังเกียจ (1) ผลตรวจร่างกาย (1) ผลสอบบรรจุภาค ก. (1) ฝากคุณครูคนใหม่ โดย ส.กิตติกุล (1) ฝากถึงคุณครูคนใหม่ (3) (1) ฝากเรื่องการใช้ภาษาไทย (1) รวมเรื่องที่เคยเขียนในเว็บ สพท.อน.2 (1) สมัครสอบบรรจุครู (1) สอบผู้ประกาศ 1 (1) สอบผู้ประกาศ 2 (1) สอบผู้ประกาศ 3 (1) สอบผู้ประกาศ 4 (1) อัพเดทบรรจุครูผู้ช่วย สพท.อน.2 (1) โอเน็ตระดับประเทศวิชาใดต่ำสุด (1)

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คุณหนูดี วนิสา เรส นักพัฒนาอัจฉริยภาพทางสมอง

สมองของคนเรามีน้ำหนักเท่ากับร้อยละ 2 ของน้ำหนักร่างกายโดยสมองใช้ออกซิเจนร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของการใช้ออกซิเจนในร่างกายทั้งหมด การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม


อัจฉริยภาพ มี 8 ด้านที่ว่า ได้แก่

* อัจฉริยภาพด้านภาษาและการสื่อสาร

* อัจฉริยภาพด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว

* อัจฉริยภาพด้านมิติสัมพันธ์

* อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์

* อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจในตนเอง

* อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจผู้อื่นและมนุษยสัมพันธ์

* อัจฉริยภาพด้านธรรมชาติ และอัจฉริยภาพด้านดนตรี

อัจฉริยภาพของคนไม่ได้อยู่ที่เซลล์สมอง ไม่ได้อยู่ที่น้ำหนักสมองและไม่ได้อยู่ที่รอยหยักของสมอง แต่อยู่ที่เส้นใยสมองและไมยีลินหรือไขมันสมองมาห่อหุ้ม เนื่องจากเซลล์สมองตายไปทุกวัน แต่จะมีการสร้างเส้นใยสมองใหม่ๆ เกิดขึ้นโดยการทำซ้ำๆ กัน

ดังนั้น อัจฉริยภาพสร้างได้โดยการทำซ้ำๆ กันนั่นเอง เช่น หากเล่นเปียโนไม่เป็น แต่ถ้าฝึกทุกวันเป็นเวลา 2 ปี ก็จะเป็นคนใหม่ที่เป็นอัจฉริยภาพด้านเปียโนได้

อย่างไรก็ตาม คนที่มีเส้นใยสมองมากที่สุดไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดที่สุดเพราะสมองมีเนื้อที่จำกัดในการเก็บเส้นใยสมอง สมองจึงมีการ "รีดทิ้ง" เส้นใยสมองในส่วนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในเวลานั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าเด็กแรกเกิดมีเส้นใยสมองมากที่สุด เมื่อเทียบกับเด็กคนเดียวกันในอายุ 6 ขวบ และ 14 ปีและยิ่งโตขึ้นเส้นใยสมองยิ่งน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะโง่กว่าเดิม นั่นเป็นเพราะว่าสมองมีการจัดเก็บและมีแบบแผนในการเก็บเส้นใยสมอง


วิธีพัฒนาสมอง

1. จิบน้ำบ่อย ๆ

สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

2. กินไขมันดี

คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง

วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที

หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ

การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้นทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้นทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ

ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน

สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน

ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal

ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึก ๆ

สมองใช้ออกชิเจน 20-25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %

ที่มา: อ่านเจอในบล็อคมัลติพลายของเพื่อนๆ คนหนึ่ง แล้วก๊อปปี้ไว้อ่านทีหลัง ต้องขอโทษจริงๆ ที่จำเจ้าของไม่ได้แล้วครับ ถ้าบทความนี้มีประโยชน์แก่ผู้อื่น ก็ขอให้กรรมดีนั้นได้แก่ผู้เขียน และเพื่อนๆ ที่เอามาเผยแพร่แล้วกันนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อัพเดทการบรรจุครูผู้ช่วย

 
          การบรรจุครูผู้ช่วย สพท.อน.2 ถึงวันนี้มีข้อมูล จำนวนผู้ขึ้นบัญชี จำนวนที่เรียกรอบแรก รอบสอง เรียกถึงลำดับที่เท่าไร ตามตาราง หรือไปดูได้ที่เว็บ รร.บ้านงิ้วงาม




วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ขอบคุณค่ะ (จากผู้สมัครสอบ)

ขอบคุณนะคะคุณครู ขอแทนตัวเองว่าหนูได้ไหมคะ วันที่หนูไปสมัครสอบวันที่ 25 ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นวันอาทิตย์ หนูรู้สึกขอบคุณ ผอ.นะคะ ที่ทำให้หนูลดความประหม่าในตัวเองลงไปได้ ที่ ผอ.ชวนคุยและตรวจเอกสารหลักฐานไปด้วย ในขณะเดียวกันนั้นหนูคงจะลนมาก ผอ.คงจะดูออก ผอ.คะ ขอบคุณนะคะ ไม่รู้ว่าผอ. ใช้จิตวิทยาหรือว่าเป็นจิตวิญญาณในความเป็นครูในตัวของ ผอ.ก็ไม่รู้ที่ช่วยให้เด็กคนนี้รู้สึกดีๆและประทับใจอย่างบอกไม่ถูก หนูเดินออกจากที่สมัครอย่างมีความสุข ผอ.คะ ที่ผ่านมา หนูว่า ผอ.ต้องเป็นครูที่ดีมากๆแน่ๆเลย เพราะความรู้สึกของหนูไม่ต่างอะไรกับเด็กที่ได้รับการอบรมสอนสั่งจากครูที่มีจิตใจดี มีความอบอุ่น วันนั้นผอ.ไม่ได้คุยอะไรกับหนูมากมายหรอกค่ะ ก็คุยเรื่องสำเนาบัตรประชาชนของหนูที่มันดูตลกต่างจากตัวจริง ผอ.ค่ะ หนูชื่นชมในตัว ผอ.นะคะ หนูก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน สุดท้ายนี้ขอให้ คุณครู(ผอ.)ที่หนูเคารพและครอบครัวมีความสุขในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน สุขภาพแข็งแรง และเป็นตัวอย่างดีๆให้กับเด็กนักเรียนอย่างพวกหนูต่อไปค่ะ

หนูชื่อ ----- (ขอปิด) ----- ค่ะ ยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รู้จักกับท่านค่ะ

โอเน็ตระดับประเทศวิชาใดต่ำสุด

รู้ไหม"โอเน็ต"ระดับประเทศวิชาใดต่ำสุด

ภาษาอังกฤษครับ เฉลี่ย สพฐ.30.20 % เฉลี่ยประเทศ 31.75 % (ป.6)


ตัวเลขนี้บอกอะไรได้บ้าง สำหรับข้าพเจ้าเห็นว่า

1. ทุกระดับไม่ให้ความสำคัญกับวิชานี้อย่างจริงจัง

2. อนาคตของเยาวชน ก็ยังคงอ่อนด้อย ยุ่งยากต่อการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในระดับสากล เพราะความรู้ความสามารถด้านภาษาอังกฤษอันเป็นเครื่องมือสำคัญอ่อนแอเกินไป

3. จะโทษใครได้ดีเท่า ผู้กำหนดนโยบาย อย่าโทษหรือโยนความผิดให้ครูผู้สอนโดยลำพังอย่างเด็ดขาด ที่ผ่านมาผิดพลาดมากและหลายครั้งในเรื่องการพัฒนานโยบายด้านภาษาอังกฤษ ไม่ได้ให้ความสำคัญตั้งแต่ระดับประถม ครูที่สอนจำเป็นต้องสอนทั้งที่ไม่มีความรู้ หน่วยงานไม่มีการพัฒนาเขาเหล่านี้นานเท่าไรแล้ว หลักสูตรไม่ชัดเจน ตำรา คู่มือ เครื่องมือ สุดแต่ใครจะถนัด จะไขว่คว้า ไร้ทิศทาง แต่เวลาสอบ(โนเน็ต) กลับใช้ไม้บรรทัดอันเดียวกันในการวัด วิชาอื่นก็ทำนองเดียวกันนี้ เจริญเถอะประเทศไทย

วิชาอื่นก็ใช่ว่าจะดีนัก เฉลี่ยทุกวิชาทั้งประเทศ(ป.6) เพียงแค่ 42.15 % ถ้าจะเรียงลำดับจากต่ำสุดไปหาสูง คือ อังกฤษ สังคม (ไม่น่าเชื่อ) คณิต ไทย วิทย์ (วิชาอื่นไม่จำเป็นต้องพูดถึง ไม่ต้องเน้นนักแต่ผลก็ออกมาดี)

คงยังไม่ถึงเวลาแก้ไขใช่ไหม เรา(ทุกระดับ)ห่วงชื่อเสียง หน้าตา ห่วงเก้าอี้ ห่วงเงินเดือนเงินตอบแทน มากกว่าห่วงเด็กห่วงโรงเรียนครับ จึงเป็นเช่นนี้

ถ้าจะฟังความเห็นกันบ้างก็ลองคิดดูว่าควรมีการพัฒนาการสอนของครูให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ใน 4 วิชาหลัก คือ ไทย คณิต วิทย์ อังกฤษ ทำอย่างไรให้ครูเขาจัดการเรียนการสอนอย่างมีความสุข สนุก เด็กได้ประโยชน์จริง วิชาเอกที่ควรถูกกำหนดไว้ในทุกโรงเรียนคือ ปฐมวัย อังกฤษ วิทย์ คณิต ภาษาอังกฤษจำเป็นมาก มีใครเคยถามไหมผู้สอนเขาเจอปัญหาอะไร เคยมีใครช่วยเขาไหม เมื่อมีผลออกมาต่ำก็โยนบาปให้ครู

เขตควรนำผลการทดสอบโอเน็ต (อย่างน้อยก็ภาพรวมทุกระดับ) มาเผยแพร่ รวมถึงทำให้กระบวนการทดสอบเป็นที่เชื่อถือของสังคม ถ้าจะดูคร่าว ๆ ลองดูได้ที่เว็บของโรงเรียนบ้านงิ้วงาม (ที่จริงไม่อยากบอกให้ไปดูนักเพราะอาจเป็นที่ไม่พอใจ ปกติยึดถือเสมอว่า"ทำดีแต่อย่าเด๋น จะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน" โรงเรียนนี้ไม่เด่น ไม่ดังสักเรื่อง แต่ให้ความสำคัญกับเด็กทุกๆ คน ซึ่งเชื่อว่าถูกทางแล้ว)

ถึงเวลาหรือยังที่จะจัดการศึกษาเพื่อประโยชน์ของเจ้าของผลประโยชน์ที่แท้จริง คือเด็กครับเด็ก

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฝากถึงคุณครูคนใหม่ (3)

3. ทำใจและเตรียมใจรับสภาพ


สภาพโรงเรียนแต่ละแห่งมีคามแตกต่างกัน ตั้งแต่ระยะทาง สภาพเส้นทาง ขนาดของชุมชน สภาพเศรษฐกิจ ชื่อของโรงเรียนก็แตกต่างกันแล้ว ยิ่งเมื่อย่างก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนด้วยแล้วยิ่งต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับสภาพทั่วไปไม่ว่าจะเป็นอาคารสิ่งก่อสร้าง สนาม อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ โต้ะเก้าอี้ทั้งของครูและนักเรียน ห้องสมุด ห้องวิทย์ ห้องคอม ฯลฯ ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นจองจริงที่เราต้องสัมผัสคลุกคลีหรือดำเนินชีวิตอยู่กับมัน



เธอคาดหวังว่าจะเจอสิ่งเหล่านี้ในสภาพอย่างไร บางครั้งถ้าใจไม่แข็งพอ ไม่อึดพอ ไม่อดทน บริบทเหล่านี้ก็ทำเอาอุดมการณ์ของเธอหลุดลอยไปได้เหมือนกัน ทำใจไว้ก่อนจะได้ไม่ผิดหวัง จะมีสักกี่คนที่โชคดีได้บรรจุครั้งแรกในโรงเรียนที่เพียบพร้อมทุกเรื่อง เพราะตำแหน่งที่ว่างเหลือไว้ให้เธอนั้นควรจะเป็นอย่างไรก็ต้องแล้วแต่โชค ดวงชะตาและวาสนาแล้วละ แต่อย่างไรก็ตามทุกแห่งมีเด็กๆ รอเธออยู่แน่นอน คงต้องคิดไว้เสมอว่าถ้ามีโอกาสฉันจะพัฒนา ปรับปรุงหรือเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ ให้จงได้ และด้วยความฉลาดและความสามารถของฉันจะต้องไม่ทำให้ใครมองว่า ฉันทำดีเพื่อเอาหน้า สร้างภาพ จะต้องให้ทุกคนเข้าใจให้ได้ว่าฉันจะทำเพื่อเด็กๆ ด้วยความบริสุทธิใจ ฉันจะอดทน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีจิตวิญญาณ ไม่มีอิทธิพลต่อเธอเท่ากับสิ่งที่ครูจะพูดต่อไปนี้



บุคคลหรือบุคคลากรในโรงเรียนต่างหากที่เธอต้องตระหนัก ตั้งแต่ ผอ. คณะครู นักการ ฯ และบางแห่งอาจมีตำแหน่งอื่นๆ อีก แต่ละคนแตกต่างกัน เธอเข้าไปเพียงลำพัง เขาเหล่านั้นตั้งป้อมรอเธออยู่แล้วช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็รู้จักเธอ แต่เธอคงต้องใช้เวลาพอควรกว่าจะรู้และเข้าใจเขาทั้งหมด และที่แน่ๆ สิ่งที่เธอเห็นอาจเป็นเพียงภาพลวงตา ตัวตนที่แท้จริงของเขาเหล่านั้นใช่ว่าจะเห็นกันได้โดยง่าย บางแห่งอาจมีกลุ่ม ก๊ก แก๊ง ก๊วน ที่ต้องพยายามดึงเธอเข้าไปเป็นพวกเพื่อประโยชน์อะไรบางอย่าง ข้อนี้เธอต้องระวังให้จงหนัก ปรับตัวให้ได้เพื่อความอยู่รอดอย่างปลอดภัย ต้องใช้ทั้งความฉลาด ปฏิภาณไหวพริบ ความแกร่ง ความอดทนและอื่นๆ สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการที่เธอต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาในพริบตา ไม่ใช่ลูกแหง่อีกต่อไป เธอต้องทำเพื่อคนอื่นโดยเฉพาะเพื่อเด็ก จากที่เคยมีพ่อแม่ดูแลให้ เธอเตรียมใจเรื่องนี้หรือยัง



กับงานที่ได้รับมอบหมาย เธอจะได้พิสูจน์เสียทีว่า จะใช้ทฤษฎีไหน ตำราเล่มใด หรือจะอ้างอิงสิ่งใดเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพ อยากจะบอกว่าเส้นทางชีวิตที่เธอกำลังก้าวย่างเข้ามานี้มันยิ่งใหญ่ยิ่งนัก เกินกว่าที่สถาบันใดจะประสิทธิ์ประสาทวิทยายุทธให้เธอจนเพียงพอแก่การฝ่าฟันจนประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เว้นไว้แต่ความรู้ความกระจ่างชัดในวิชาเอกของเธอเท่านั้นที่พอจะยังประโยชน์แก่เธอได้ นอกนั้นแล้วเธอต้องศึกษาเอาเองจากมหาวิทยาลัยชีวิตที่พวกเธอแก่งแย่งกันเข้ามานับแต่นี้ไป สิ่งที่ครูบอกกล่าวมาและจะบอกต่อๆ ไปอีกหลายประการนั้นรวมๆ แล้วยังไม่ได้สักหนึ่งในล้านที่เธอจะพบเจอ แต่ก็หวังว่าคงดีกว่าที่จะปล่อยให้เธอไปค้นพบด้วยตัวเองเสียทั้งหมด



ครูจะยินดีมากถ้าเพียงแค่ได้มีส่วนสักเล็กน้อยในการช่วยสร้างให้เกิดครูดีๆ สักคน เพราะนั่นมันมีประโยชน์มากกว่าที่ครูได้สร้างเด็กดีๆ สักร้อยคน อันนี้เธอคงเข้าใจ เพราะครูดีๆ หนึ่งคนนั้นจะสามารถไปสร้างเด็กดีๆ ได้อีกมากมาย จงหมั่นหาข้อมูลจากหลากหลายบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนี้ แล้วนำมาวิเคราะห์สังเคราะห์หรืออะไรก็ตามทีให้เป็นประโยชน์กับเธอให้จงได้ แต่ไม่ต้องวิตกจริตจนเกินเหตุ ความสำเร็จรอเธออยู่เบื้องหน้าทุกคนสุดแต่ใครจะไปถึงหรือไม่ ช้าหรือเร็วเธอมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทาง ชี้ชะตาชีวิตของตนเองเสียตั้งแต่เริ่มต้นนี้

ขอให้โชคดี

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฝากถึงคุณครูคนใหม่ (2)

2. ฝากเรื่องการใช้ภาษาไทย




เราควรภูมิใจในความเป็นไทย เรามีชาติไทยที่ยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์ตลอดจนวิวัฒนาการด้านต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อเรารู้ เราเข้าใจ เราทราบซึ้ง เราภาคภูมิใจ แล้วจะเก็บความรู้สึกเหล่านี้ให้อยู่เพียงแค่ตัวเราเท่านั้นหรือ เราจะโทษเด็กรุ่นใหม่ว่าไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องเหล่านี้ คงไม่ได้แล้ว ถ้าเราไม่ได้ถ่ายทอดพร่ำสอนและกระทำบ่อยครั้งจนเขารู้สึกและเข้าใจได้ดีเช่นเดียวกับเรา



เรื่องแรกที่น่าห่วงคือ การพูดภาษาไทยอย่างถูกต้อง ชัดเจน เป็นธรรมชาติด้วยความภาคภูมิใจสิ่งที่พบแล้วว่าเป็นปัญหาจริงเช่น



- คนที่พูดไม่ชัด[โดยเฉพาะคำควบกล้ำ "ร" และ "ล"]ก็จะอ่านผิดโดยไม่ออกเสียงควบกล้ำด้วย แล้วยังมีความเป็นไปได้ที่จะเขียนผิดด้วย คือเขียนโดยไม่ควบกล้ำ(ในคำที่ต้องกล้ำ)

- คนที่พูดไม่ชัดไม่ถูกต้องจนเคยชิน ก็จะไม่เห็นถึงความผิดพลาดแบบนั้นๆ ของคนอื่นด้วย(คล้ายๆ คนสูบบุหรี่ ซึ่งจะไม่รู้สึกว่ากลิ่นบุหรี่นั้นเหม็นมาก - เอ เกี่ยวกันไหมเอ่ย) คนเป็นครูถ้าไม่เห็นความผิดพลาดของศิษย์ก็จะไม่แก้ไข เช่นเด็กพูดว่า "โรงเรียนของเราควรมีการปับปุงและเปี่ยนแปงในเรื่องต่างๆ" ครูที่พูดไม่ชัดจนเป็นปกติก็จะไม่เห็นความผิดพลาดก็จะไม่แก้ไข (แต่บางคนรู้แต่ก็ไม่ใส่ใจที่จะแก้ไข ขอเธออย่าเป็นครูแบบนี้เลย)



ครูให้ความสำคัญสูงมากกับการออกเสียงคำควบกล้ำ ถ้าเธอจะเป็นครูที่รู้สึกภาคภูมิใจตัวเองสักข้อหนึ่งและเป็นข้อแรก เธอควรพูดคำว่า "ครู" ให้ชัดเจน ไม่ใช่พูดว่า "ฉันเป็นคู" ใครก็ตามที่พูดคำนี้ไม่ชัดก็มักจะพูดคำควบกล้ำอื่นๆ ไม่ชัดด้วย ต้องไม่อายที่เป็นคนพูดชัด ไม่ต้องแคร์ว่าใครบางคนจะบอกว่ากระแดะ ดัดจริต หรืออะไรก็ตามที แต่เราควรยินดีกับตัวเองที่เราพูดหรืออ่านภาษาไทยได้ชัดเจน ถูกต้อง



การออกเสียงคำควบกล้ำ "ร" และ "ล" นั้นแตกต่างกัน แต่สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว การอ่าน การพูดคำกล้ำ "ร" นั้น ไม่จำเป็นต้อง"หันลิ้น" ให้มากจนเกินความพอดี แต่ต้องออกเสียงกล้ำให้ได้ในทุกคำที่กล้ำ



ผู้ที่จำเป็นต้องออกเสียงให้ชัดเจนมากและเป็นแบบอย่างแก่เราได้ดีคือ ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์และวิทยุ (คลื่นหลัก วิทยุชุมชนส่วนใหญ่ไม่ชัดเพราะไม่ผ่านการสอบและไม่เคร่งครัด) โดยเฉพาะข่าวในพระราชสำนัก ลองสังเกตดู



ขอฝากไว้ด้วยซึ่งคงไม่ยากเกินไป ถ้าอยากจะหาประสบการณ์ขอแนะนำให้สอบบัตรผู้ประกาศของกรมประชาสัมพันธ์ ดู จะพัฒนาตัวเองได้ดีกว่าวิธีใดๆ และอาจเป็นช่องทางหารายได้เสริมหรือหาประสบการณ์ด้านอื่นๆ ได้ด้วย เสียค่าสมัครเพียง 100 บาท สอบได้ถึง 5 ครั้ง ถ้ามีความมุ่งมั่นจริง ๆ ต้องสอบได้ ลองไปอ่านประสบการณ์ของครูเรื่อง"สอบผู้ประกาศ" ในเว็บบล็อกดูก่อนก็ได้ ถ้าสนใจและยินดีให้คำแนะนำด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

[url]http://www.kittikullife.blogspot.com/[/url]



ถ้าครูมีบัตรผู้ประกาศเด็กจะพูดได้ชัดเจนแน่นอน และอยากแนะนำให้ศึกษานิเทศน์ได้มีบัตรนี้จะแนะนำครูได้ดียิ่งขึ้น

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การตรวจสุขภาพโดยการ อัลตราซาวด์

วันนี้ได้ไปตรวจร่างกายด้วยการ อัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง (U/S Lower Abdomen) ดังนี้
1. Liver               ปกติ  (ตับ)
2. Spleen            ปกติ  (ม้าม)
3. Pancreases     ปกติ  (ตับอ่อน)
4. Kidney           ปกติ  (ไต)
5. Gallbladder     ปกติ  (ถุงน้ำดี)
Impression     Negative study

มวลกระดูก ปกติ 63.25 %  T - score  1.53
ต่อมลูกหมาก ปกติ

โล่งอก เสียเงินไป 1,300.- แต่ก็เบิกได้ทั้งหมด นี่ก็เป็นข้อดีของการเป็นข้าราชการ
บริษัทผู้ตรวจคือ บริษัท แมมโมแกรมเคลื่อนที่ จำกัด มาบริการที่ โรงพยาบาลสว่างอารมณ์

ฝากคุณครูคนใหม่ โดย ส.กิตติกุล

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผลสอบบรรจุภาค ก สพท.อน.2

ผลสอบบรรจุครู สพท.อน.2 ภาค ก คลิกที่นี่

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เว็บที่เข้าใช้เป็นประจำ

http://www.school.obec.go.th/banngew/  http://www.uthai-watsingbike.com/   ttp://www.thaimtb.com/forum/

http://www.gun.in.th/   http://speedtest.adslthailand.com/   http://www.glo.or.th/check_result.php

http://tna.mcot.net/   http://www.ch7.com/   http://www.bangkokpost.com/   http://www.dailynews.co.th/

http://www.thairath.co.th/   http://www.norsorpor.com/   http://radio.mcot.net/fm95/

http://www.hotmail.com/   http://www.facebook.com/   http://www.camera-me.blogspot.com/

http://www.utt2.net/news.php   http://202.143.130.99/2553_1/default.asp

การช่วยงานสอบบรรจุ

วันนี้ได้ส่งมอบกระดาษคำตอบแก่คณะกรรมการชุดตรวจคำตอบและมอบข้อสอบแก่คณะกรรมการชุดเผาทำลายข้อสอบ เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เวลาบ่ายโมงเศษ

การตรวจคำตอบคงเสร็จตอนค่ำคืน และคณะกรรมการต้องนำผลการตรวจ(จาก ม.ราชภัฎนครสวรรค์) มาจัดทำผลสรุป (ต.2 ก.) โดยคิดคะแนนรวมทุกวิชาว่าผู้สอบคนใดทำได้ 60 % ก็จะมีสิทธิในการสอบภาค ข. ต่อไป คาดว่าจะประกาศผลนี้ได้ในวันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม นี้

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จำนวนผู้เข้าสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครู สพท.อน.2


จำนวนผู้เข้าสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครู สพท.อน.2

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เปลี่ยนภาษาไม่ได้

ไปที่ control Panel > Regional and Language Option > Language > Detail > Key Settings > ในช่อง Action > Switch between input language และกด Change Sequence และติ๊กช่องแรกครับ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย

ตอนที่ 1 เกียรติ กับ ทรัพย์

เกียรติ ยิ่งให้ยิ่งได้ จึงไม่ต้องกลัวว่าจะหมด
ทรัพย์ ยิ่งให้ (ยิ่งใช้) ยิ่งหมด ถ้าไม่หา

ผู้ซึ่งไม่ให้เกียรติบุคคลอื่น เพราะ
1. กลัวว่าเกียรติของตนเองจะหมด หรือลดน้อยลง (หลงตัวเอง)
2. เพราะตนเองไม่มีเกียรติ จึงไม่สามารถให้แก่ใครได้ เปรียบได้กับการไม่มีทรัพย์ จึงไม่สามารถแบ่งปันทรัพย์แก่ใครได้
3. เพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจอย่างแท้จริง(พอให้อภัยได้) หรือแกล้งทำไม่รู้ (ไม่ควรให้อภัย)

ในความเป็นจริงนั้นทุกคนมีเกียรติที่สามารถแบ่งปันให้บุคคลอื่นได้และมีศักดิ์ศรีที่ต้องปกป้องรักษา สองสิ่งนี้ต้องมีอยู่คู่กันเสมอในบุคคล


ตอนที่ 2 ความน่านับถือของบุคคล
     คุณวุฒิที่สูงส่ง อาจหมายถึงการศึกษาสูง ตำแหน่งหน้าที่สูง ประสบการณ์สูงกว่า เป็นเครื่องการันตีได้ว่าเป็นบุคคลที่น่านับถือ
     วัยวุฒิที่สูงส่ง คือมีอายุที่มากกว่า ย่อมเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า เป็นเครื่องการันตีได้เช่นกันว่าน่ายกย่องนับถือ
"ความรู้อาจเรียนทันกันหมด" และอาจแซงล้ำหน้ากันได้ด้วยซ้ำ แต่คนเราไม่สามารถแก่แซงหน้ากันโดยแท้ ด้วยเหตุนี้จึงดูเหมือนว่าผู้สูงวัยกว่า น่าที่จะได้รับเกียรติ ได้รับการยกย่อง ได้รับการเคารพนับถือได้มากกว่า
     แต่ผู้ที่มีคุณธรรมสูงกว่า ย่อมมีเกียรติ น่าเคารพนับถือ น่ายำเกรง ยิ่งกว่าบุคคลใดใด
แต่ทว่า ทั้งสิ้นทั้งมวลมักพ่ายแพ้อำนาจและอิทธิพลของเงินตราและบารมีทางการเมือง

ตอนที่ 3 แข็งให้ได้อ่อนให้เป็น

     เป็นผู้บริหาร หรือผู้บังคับบัญชา หลายท่านบอกว่าเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ดูดูก็ว่าน่าจะจริง เพราะความรู้จากตำหรับตำราเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจะนำนาวาสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่ บ่อยครั้งต้องใช้ยุทธวิธีที่ไม่เคยปรากฏ ณ ที่แห่งใดมาก่อน ไม่สามารถลอกเลียนจากใครได้ สุดแต่จังหวะ เวลาและโอกาสแม้บางครั้งอาจต้องอาศัยความบังเอิญด้วยก็เคยมี เพื่อให้การดำเนินงานนั้นๆ ประสบความสำเร็จ

     จึงคิดขึ้นได้ว่า เอ การเป็นผู้บริหารนั้นถ้าแข็ง(กล้า)เกินไปก็อาจเสียหาย เป็นอันตราย ไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่สำเร็จ โบราณก็ว่า"กล้านักมักบิ่น" คือมีดที่ชุบเสียจนกล้า(แข็ง) เกินไปก็บิ่นได้ง่ายเวลาใช้เวลาฟันถ้าอ่อนเกินไปก็ไม่มีใครเชื่อใครฟัง ไม่ยำเกรง แล้วจะทำสิ่งใดได้สำเร็จล่ะ

     มีอะไรบางอย่างพอจะเปรียบเทียบได้ว่าถ้าแข็งเกินไป แข็งตลอดเวลาก็เกิดความลำบาก ทุกข์ทรมานและอาจเดือดร้อนถึงกับต้องเสียสิ่งนั้นด้วยก็ได้ แต่ถ้าเจ้าสิ่งนั้นมันอ่อนตลอดเวลาก็ใช้การใดใดไม่ได้ ก็จะเกิดความทุกข์ความเดือดร้อนรำคาญใจอีกเช่นกัน

     จึงอยากเปรียบเปรยว่า เป็นผู้บริหารต้องแข็งให้เป็น แข็งให้ถูกจังหวะเวลา เพื่อให้เกิดประโยชน์ และภารกิจสำเร็จลงได้ แต่ก็ต้องอ่อนให้เป็น ในคราวใดที่ควรอ่อน เพื่อไม่ให้
เกิดความทุกข์ทรมาน แต่ก็ไม่ใช่อ่อนอยู่ตลอดเวลาต้องพร้อมที่จะแข็งได้ทันทีที่จำเป็น

เฮ่อ ! เมื่อคิดได้ดังนี้ จึงควรปลงเสียบ้างเถอะ ถ้าใครเขาจะสบประมาทว่าเป็นผู้บริหารแบบ .....

ตอนที่ 4 e_mail & sms (สามตอนทีผ่านมาไม่ได้ใส่ลำดับที่)

     ถ้าเพื่อนผู้บริหารหรือคุณครู มีอีเมล์ ที่สามารถติดต่อกันได้สะดวก ซึ่งนั่นหมายถึงท่านเหล่านั้นต้องใช้คอม ใช้เน็ต เป็นประจำ และรู้จักการป้องกันกำจัดไวรัสดีพอควร ก็จะมีประโยชน์มากมาย ยกตัวอย่างซักเรื่องหนึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ คุณส่ามารถส่งข้อความ รูปภาพ บัตรอวยพรซึ่งอาจสร้างเองแม้ไม่สวยนักก็มีคุณค่าเพราะเราทำเอง และทีสำคัญ ประหยัด เพราะไม่ต้องเสียค่าส่งใดใด และเร็วด้วย

     ส่วนการส่งข้อมความทางโทรศัพท์อาจจะสะดวกและประหยัดเฉพาะผู้รับมากกว่า ยิ่งถ้าส่งเป็นภาพก็ยิ่งต้องเสียแพงกว่าแน่นอน

     อยากเห็นวงการครูของเราพัฒนาด้านนี้มากขึ้น โดยเฉพาะท่านผู้บริหารแต่ก็ต้องระวังว่าไม่ไปใช้คอม ฯ โรงเรียนและไม่ใช้เวลาราชการ นะครับ

ตอนที่ 5 ยุบหรือไม่ยุบ
     ถ้าโรงเรียนคิดว่า ระดับชั้น อนุบาล ให้ใครสอนก็ได้ หรือครูบางคนสอนชั้นไหนๆ ก็ไม่ได้คุณภาพ ก็จับไปไว้ชั้นอนุบาล นั่นเป็นการคิดที่ผิดเป็นอย่างมาก เพราะผู้ปกครองของเด็กระดับอนุบาลรักและห่วงบุตรหลานมากที่สุด เขาจะพากันย้ายเด็กหนีไป และแนะนำกันต่อไป ปีต่อ ๆ ไปเด็กจะลดลง ๆ ในอนาคตมีโอกาสยุบได้มาก

     ถ้าโรงเรียนใดคิดว่า ชั้น ป.1 ป.2 ไม่สำคัญ ครูไม่ต้องเก่ง ก็สอนได้ เด็กจะค่อย ๆ เก่งน้อยลง ๆ ชั้นที่สูงขึ้นจะสอนลำบากขึ้นทุกที ๆ

    ถ้าเด็กมีพื้นฐานดี ตั้งแต่อนุบาล ป.1 ป.2 ชั้นอื่น ๆ ก็สอนสบาย สอนง่าย เด็กก็จะได้รับความรู้มากขึ้น ความศรัทธาก็จังคงมี

เขียนจากประสบการณ์ จึงไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย

ตอนที่ 6 ระยะนี้รู้สึกเครียดชอบกล
     ยังดีที่เลื่อนเรื่องการไปสัมมนาที่รัฐสภาไปเสียได้เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องการทำงานก็กำลังเคร่งเครียด บางเรื่อง บางอย่าง และบางคน ก็ทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้น มาหาทางคลายเครียดกันมั้ย

     กีฬาครับช่วยได้

1. ยิงปืน ไปเลย สนามยิงปืน ให้เต็มเหนี่ยวกันไปเลย อย่าไปยิงในสถานที่ไม่ควรยิง(ถ้าไม่จำเป็นเท่า ๆ กับชีวิตเรา)

2. เคยเห็นบางท่านก็ใช้กระสอบทราย แก้ได้นะ เขียนชื่อใครแปะไว้ก็ตามใจชอบ ว่าง ๆ ต้องไปดูแถว ๆ บ้านลูกน้องว่ามีชื่อเราติดที่กระสอบทรายหรือไม่ และอาจต้องไปดูที่สนามยิงปืนด้วยว่ามีชื่อเราหรือชื่อใครอยู่ที่เป้าปืนหริอไม่

3. ข้าพเจ้าชอบปั่น ... จักรยาน แก้ได้หลายเรื่อง ลองดูถ้าใครไม่เคย
 
ตอนที่ 7 มาออกกำลังกายการเถอะ
     สุขภาพร่างกายที่ดี เป็นสิ่งพึงปรารถนาของทุกคน แต่ผู้คนไม่น้อยที่คิดว่า สุขภาพที่ดีต้องมาจากการรับประทานอาหารเป็นประการสำคัญ จึงมักมองหาของอร่อย ร้านที่มีชื่อเสียง รับประทานให้มากตามที่ใจต้องการ ซึ่งปัญหาสุขภาพของผู้สูงวัยส่วนใหญ่มาจากการรับประทานนี่แหละ และถ้าผู้ใดเติมสารพิษให้ร่างกายแบบเต็มใจ (เช่น เหล้า บุหรี่ ฯ) ด้วยแล้ว ยิ่งทรุดโทรมเร็วและยากแก่การเยียวยาเมื่อถึงเวลานั้น

     จึงอยากเชิญชวนมาออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานกันเถอะ ได้ทดลองแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ระบบต่าง ๆ ทำงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยินดีให้คำแนะนำและหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ หลักง่าย ๆ คือ

1. รักตัวเอง และคนรอบข้าง กลัวการเป็นภาระกับครอบครัว

2. ปั่นด้วยเท้าวันนี้ ดีกว่าปั่นด้วยมือในอนาคต(นั่งวิลแชร์)

3. รถอะไรก็ได้ที่ปั่นได้ และเราปั่นเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องแพง

4. อุปกรณ์อื่นๆ มีเท่าที่จำเป็น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและจุดประสงค์ของแต่ละคน

5. ถ้าจะซื้อจักรยานประเภทเสือภูเขา ขอให้ใจเย็น ๆ หาข้อมูลจากผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ อย่าฟังแต่ผู้ขาย ต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเราโดยเฉพาะความสูง (size) มีเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องให้ศึกษามากมาย หรือถ้าจะสอบถามเบื้องต้นจากผมก็ยินดี ครับ 0862032067

ลองโหลดเรื่องนี้ดูครับ

http://www.youtube.com/watch?v=0TfoqXw_dsk&feature=player_embedded

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บุหรี่เลิกยากจริงหรือ ?

"บุหรี่" เลิกยากจริงหรือ ?
ตอบ จริง แท้แน่นอน


25 ปีที่ข้าพเจ้าหลงชื่นชมและตกเป็นทาสของมัน เห็นแก่ตัวเพราะสูญเสียสิ้นเปลืองเสพอยู่คนเดียว แทนที่จะนำเงินจำนวนนั้นไปใช้จ่ายหาความสุขร่วมกันในครอบครัว ขณะนั้นไม่รู้สึกเลยว่ากลิ่นของมันทำร้ายคนรอบข้างมากมาย ทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงาน นักเรียน และคนอื่น ๆ ที่เราเข้าใกล้ (แต่ยังอ้างว่ามีความดีอยู่ได้อย่างหนึ่งว่า "ไม่เคยสูบในห้องเรียน ขณะสอนแม้แต่ครั้งเดียว" ผู้สูบไม่รู้ว่าเหม็นเพราะกลิ่นของมันติดจมูกตลอดเวลาจนเคยชิน และมักคิดเข้าข้างตัวเองว่า"ไม่เหม็นนักหรอก เขาต้องทนได้ เขาต้องรู้ว่ามันเลิกยาก เขาต้องให้อภัยเราได้ ฯ" นานาเหตุผลที่อ้างเพื่อเข้าข้างตัวเอง



มีนาคม 2545 เลิกมันเสียได้ เปรียบให้ยิ่งใหญ่ว่าราวกับได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว 8 ปีกว่า ระบบต่าง ๆ ที่สูญเสียไปค่อย ๆ กลับคืนมา เช่นการรับรส การดมกลิ่น การหายใจ ฯ



ขณะนี้ เมื่อได้กลิ่นใครสูบบุหรี่ใกล้ ๆ เพิ่งรู้สึกว่ามันช่างเหม็นเสียนี่กระไร คนรอบข้างเราเมื่อหลายปีก่อนโน้นเขาต้องอดทนกับกลิ่นอันน่ารังเกียจนี้มากมายเสียนี่กระไร ด้วยบางคนรักเรา บางคนเกรงใจเรา บางคนไม่กล้าจะตักเตือน ฯ นึกย้อนแล้วให้รู้สึกละอายไม่น้อยเลย



กลิ่นบุหรี่สามารถส่งไปได้ไกลเกินกว่าคนสูบจะคาดคิด เชื่อว่าเคยได้กลิ่นทั้งที่อยู่ห่างไกลถึง 30-50 เมตรเลยทีเดียว เคยโดยสารรถตู้ ผู้ติดบุหรี่จะรีบสูบ(เรียกว่าอัด)ให้เต็มที่ก่อนขึ้นรถ หรือขณะรถหยุดให้ทำธุระส่วนตัว เมื่อเขาผู้นั้นขึ้นมาในรถ ลมหายใจที่ออกมาพร้อมกับควันส่งกลิ่นโชยเต็มรถเหม็นอยู่นานนับสิบนาที โดยที่ผู้สูบไม่รู้สึกใดๆ เลย ทำไมคนอื่นต้องอดทนขนาดนั้น



ฝากให้คิดดู หลังจากสังเกตว่า เดี๋ยวนี้ผู้ใหญ่จะสูบน้อยลงรวมทั้งเลิกสูบกันได้ไม่น้อย แต่เด็ก ๆ วัยรุ่นกลับสูบมากขึ้นอันจะเป็นช่องทางนำไปสู่ยาเสพติดชนิดอื่นได้ง่าย และที่สำคัญกฏหมายก็ไม่เคร่งครัด ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็รู้ว่าสิ่งนี้ไม่ถูก ไม่เหมาะ ไม่ควร แต่ความอดทนของผู้คนรอบข้างในปัจจุบันน้อยลงกว่าแต่ก่อนนะ พึงระวัง



บุหรี่ เลิกยาก แต่เลิกได้ ขอยืนยัน

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การรับสมัครสอบบรรจุครู สพท.อน.2

สพท.อน.2 (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุทัยธานี เขต 2)
     ได้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยเปิดรับทั้งหมด 12 วิชาเอก บรรจุครั้งแรก 13 ตำแหน่งปรากฏว่ามีผู้สมัครมากมาย ตั้งแต่วันที่ 20 - 26 พฤษภาคม 2553 ชมบรรยากาศ ครับ












         ปรากฏว่ามีผู้สนใจมาสมัครมากมายถึง 1,504 คน จากทุกภูมิภาคของประเทศ จากหลากหลายอายุ ตั้งแต่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีใหม่ ๆ 22-23 ปี จบแล้วไปทำงานได้ระยะหนึ่ง หรือบางคนทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี มีเงินเดือนหลายหมื่นบาท แต่มองเห็นว่าการเป็นข้าราชการครูนั้นมีความมั่นคงกว่าในบั้นปลายชีวิต จึงหันมาสมัครสอบกันมากมาย บางคนเป็นข้าราชการอยู่แล้วต้องการเปลี่ยนทีทำงาน บางคนเป็นลูกหลานผู้มีชื่อเสียง และมีไม่น้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของครู
         ขอให้โชคดีในการสอบนะครับ ซึ่งในความจริงนั้นจะมีผู้ประสบความสำเร็จได้ไม่น่าจะเกิน 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ก็ต้องพยายามกันต่อไปครับ

วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

ภูชี้ฟ้า

17 - 18  มกราคม 2552 ท่องเที่ยวภูชี้ฟ้า


บรรยากาศยามเช้าที่หนาวเหน็บ

เห็นแล้วยอดภู ชี้ฟ้า จริง ๆ

หนาวจริง ค่ะ

ใช่เมืองไทยแน่นะ 
 

จำชื่อไม่ได้  ยู่ทางลงจากยอดภู

นี้ด้วยเช่นกัน สวยมาก

ยังไม่หายหนาว

ส้วม ณ วัดร่องขุ่น

สวย สวย

งาม งาม งาม

นี่ก็สวยนะ น่ารัก

หนูด้วยหรือเปล่าคะ ?

สวยและน่าศรัทธา

พระธาตุลำปางหลวง

อีกมุมหนึ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

ผลสอบครั้งแรก"เข่าอ่อน"

เป็นความผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต แต่ไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อ จึงสมัครเข้ารับการอบรมที่สถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ เปิดอบรมในหลักสูตร “การฝึกทักษะเตรียมความพร้อมเป็นผู้ประกาศ” เสียเงินก็ยอม

ในการเข้าอบรมได้ปรับปรุงการอ่านได้มากมาย ได้รู้จักใคร ๆ หลาย ๆ ท่าน ทั้งนักหนังสือพิมพ์ นายตำรวจ นักข่าว นักธุรกิจ นักศึกษา ฯ ในวัยที่แตกต่างกัน


หลังอบรมสมัครเข้าทดสอบใหม่โดยฝึกอ่านและบันทึกเสียงไว้ ฟังแล้วแก้ไขคงจะฝึกเป็นพัน เที่ยว ด้วยความมั่นใจว่าต้องผ่านแน่นอน

เมื่อถึงวันสอบประมาณวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ปรากฏว่าผิดหวังอีกครั้ง โดยทำคะแนนได้เพียง 46 คะแนน แต่ไม่เครียดมากนัก เพราะในวันสอบมีอาการเป็นหวัดเสียงค่อนข้างแหบแห้งไปบ้างจึงค่อนข้างเดาได้ว่าคงไม่ผ่าน ก็ยังไม่ท้อสมัครสอบอีกครั้ง

ยังไม่ยอมแพ้ สมัครอีกครั้ง คราวนี้ไม่ฝึกเลย จนใกล้วันสอบ จึงฝึกบ้างนิดหน่อย ปรากฏว่าคราวนี้ เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตอีกวันหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกชื่อไปฟังผลแล้วบอกว่าขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ทำได้ 56 คะแนน

มีความสุข ดีใจมากที่สุด เดินไปอีกห้องหนึ่งเพื่อรับบัตร แม้เป็นเพียงการรับจากเจ้าหน้าที่แต่ก็มีความรู้สึกว่าวันนี้เหมือนกับเรียนจบการศึกษาระดับสูงแล้วได้รับใบประกาศนียบัตรที่มีค่ายิ่งนัก เป็นความสุขครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว

เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในความพยามยามของตนเอง สามารถพิสูจน์ ทดสอบและเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่นได้อย่างภาคภูมิใจและยินดีสนับสนุนทุกท่านให้เข้าทดสอบเพื่อพัฒนาการใช้ภาษาไทยของตนเอง และนำมาพัฒนาผู้ร่วมงานและท่านที่เป็นครูจะได้ประโยชน์เป็นอย่างยิ่งในการสอนและเป็นแบบอย่างแก่นักเรียน

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่งานด้านการจัดทำรายการวิทยุในปัจจุบันแม้ไม่ยากนัก แต่ก็ต้องทุ่มเท ต้องเตรียมตัว ต้องมีเวลารวมทั้งต้องมีความพร้อมด้านอื่น ๆ อีกมากพอควร จึงจะสามารถทำได้ดี แต่ก็ได้พิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่าสามารถทำได้ แต่ถ้าจะคิดทำเพื่อให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ คงต้องทุ่มเทพยายามอีกมาก ซึ่งก็ดูจะไม่ใช่ทางที่แท้จริงของเรา จึงทำได้เพียงเพื่อหาประสบการณ์ ได้ใช้โอกาสในการให้ความรู้ ข้อคิด โน้มน้าวให้ผู้คนเห็นถูกเห็นผิด ฯ และมีความสุขกับเสียงเพลง แต่ก็นับได้ว่าประสบผลสำเร็จพอควร

ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ ไม่มีสาระใด ๆ มากนัก แต่อาจเป็นแรงบันดาลใจท่านใดได้บ้างก็จะยินดีมาก

วันสอบครั้งแรก

     การสอบบัตรผู้ประการไม่ยากเลย เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่จะมาให้เสี่ยงจับสลากบท(ข้อสอบ) สำหรับอ่านในการสอบ แจกข้อสอบให้ทุกคน หลังจากนั้น คณะกรรมการจะมาแนะนำวิธีการอ่านที่ถูกต้อง เช่น อ่านช้า ๆ ให้ถูกต้อง ชัดเจน หลังจากนั้น คณะกรรมการจะอ่านข้อสอบให้ฟัง อย่างถูกต้อง ข้อสอบมีเพียง 2 หน้ากระดาษ เอ 4 แบ่งเป็นส่วน คือข่าวในพระราชสำนัก ข่าวทั่วไป บทความ และบทกลอน


     หลังจากนั้นจะปล่อยให้ผู้เข้าสอบฝึกอ่านกันอย่างเต็มที่ ด้วยข้อสอบที่แจกให้และอ่านให้ฟังแล้ว แน่นอนในใจเรามั่นใจเหลือเกิน ง่ายอะไรอย่างนี้ ได้เห็นข้อสอบ อ่านให้ฟัง ให้ฝึกอ่านจนขึ้นใจ เราเป็นครูอ่านหนังสือมามากมาย ไม่ได้ก็แย่เต็มที


เมื่อถึงเวลาสอบผู้เข้าสอบจะไปนั่งตามลำดับหน้าห้องสอบ

      ในห้องสอบเป็นห้องปิดมิดชิดไม่มีใครเห็นเรา เราไม่เห็นใคร คณะกรรมการ15 ท่าน (อย่างน้อยต้องมีเกินกว่ากึ่งหนึ่ง) จะฟังแต่เสียงเราเท่านั้น ขนาดของห้อง กว้างประมาณ 2 คูณ 3 เมตร มีโต๊ะ 1 ตัว มีไมค์ 1 ตัวตั้งอยู่และเก้าอี้หนึ่งตัว เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ ก็บอกชื่อตัวเองแล้วเริ่มอ่าน ไปจนจบ แล้วเดินออกมานั่งรอฟังผลที่ห้องกลาง ไม่เกิน 30 นาที เจ้าหน้าที่จะถือผลมาแล้วเรียกชื่อผู้ที่สอบไปรับฟังผล

     ถ้าใครสอบผ่านก็จะต้องเดินไปอีกห้องหนึ่งสักครู่ก็จะกลับมาพร้อมรอยยิ้มอย่างมีความสุขเหลือเกิน จำได้ว่าวันนั้นคุณพัทราวดี ศรีไตรรัตน์ เธอสอบได้ เธอเดินกลับมาพร้อมกับโบกสะบัด บัตรที่ทุกคนปรารถนาอวดสายตาพวกเรา ก็จะได้รับเสียงฮือฮาและปรบมือแสดงความยินดี วันหนึ่งจะมีผู้สอบผ่านประมาณ 4 – 6 คน จากจำนวน 60 คน

     ใครที่สอบไม่ผ่านก็จะไปฟังผลจากเจ้าหน้าที่และคำแนะนำการฝึก ว่าผิดพลาดตรงไหนบ้าง ต้องอ่านอย่างไร แล้วให้สมัครมาสอบใหม่ ซึ่งสมัครเพียงครั้งเดียว ค่าสมัครแค่ 100 บาทเท่านั้น สามารถสอบได้ถึง 5 ครั้ง


     เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกชื่อไปรับทราบผล เราเดินไปนั่งอย่างมั่นใจ แต่เราเพิ่งรู้สึกว่าเข่าอ่อนเป็นอย่างไร ผิดหวังมาก ๆ เป็นอย่างไร ก็วันนั้นนั่นเอง เมื่อเจ้าหน้าที่คนสวยบอกว่า เราได้คะแนน 42 คะแนน ไม่ผ่านเกณฑ์ เพราะถ้าจะผ่านต้องได้ เกินกว่า 50 คะแนน จาก 100 คะแนน .ตามหัวข้อ

1. อักขรวิธี 40 คะแนน

     1.1 การออกเสียง ร และ ล

     1.2 การออกเสียงควบกล้ำ

     1.3 การออกเสียงวรรณยุกต์

     1.4 การออกเสียงพยัญชนะ

     1.5 การออกเสียงสละ

2. ลีลาการนำเสนอ 20 คะแนน

     2.1 วรรคตอน

     2.2 จังหวะ

     2.3 ความเหมาะสมกับเนื้อหา

3. ความถูกต้อง 15 คะแนน

     3.1 ความถูกต้องตามหลักเกณฑ์การออกเสียง

     3.2 ความถูกต้องตามบท

4. ความชัดเจน 15 คะแนน

     4.1 การออกเสียงคำ

     4.2 เสียงสอดแทรก

5. เสียง 10 คะแนน

     5.1 ลักษณะโดยธรรมชาติและคุณภาพเสียง

     5.2 ระดับเสียงและการเปล่งเสียง

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

เมื่อต้องการบัตรผู้ประกาศ

     เมื่อทำหน้าที่นักจัดรายการวิทยุ(ชุมชน) อยู่ได้ระยะหนึ่ง ก็คิดว่าถ้าหวังว่าอาจจะทำต่อไปอีกยาวนาน และเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตนเองด้านการใช้ภาษาไทย ก็ควรจะได้ทำการทดสอบเพื่อให้ได้บัตรผู้ประกาศ จากกรมประชาสัมพันธ์ จึงได้สมัคร และเตรียมตัวฝึกด้วยตัวเอง แล้วไปทดสอบด้วยความรู้สึกมั่นใจว่า ไม่น่าจะยาก เราต้องไม่พลาดแน่นอน
     ที่กรมประชาสัมพันธ์ตื่นเต้นพอควร โดยเฉพาะเมื่อเห็นคนดัง ๆ มาเข้าสอบกันหลายคน ในวันนั้นมี คุณภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ เป็นนักแสดง ละครโทรทัศน์ ละครเวที เป็นครูสอนศิลปะการแสดง เจ้าของโรงละครภัทราวดีเธียเตอร์ มาเข้าสอบด้วย


     นอกจากนั้นยังมีนักแสดงชั้นแนวหน้าอีก 3 ท่าน คือคุณ นุ่น วรนุช วงษ์สวรรค์ คุณน้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล คุณอู๋ นวพล ภูวดล มาสอบในวันเดียวกัน นับเป็นโอกาสแรกในชีวิตที่ได้พบดาราดัง ๆ และได้คุยด้วย รวมทั้งขอถ่ายรูป

สอบบัตรผู้ประกาศ


การสอบผู้ประกาศ

ข้าพเจ้าเคยปีความฝันไว้ตั้งแต่สมัยที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ พิษณุโลก (2523)ว่าอยากที่จะลองเป็นนักจัดรายการวิทยุดู อยากรู้ว่ายากลำบากหรือไม่ เพราะในขณะนั้นได้พบกับนักจัดรายการวิทยุท่านหนึ่งซึ่งอายุน่าจะเกินกว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งมาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีเช่นเดียวกัน แต่โดยที่ไม่มีโอกาส ไม่มีผู้ชี้แนะช่องทาง จึงไม่ได้มีโอกาสทำสักครั้ง

จนเมื่อวิทยุชุมชนมีเปิดกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งที่อำเภอหนองฉาง ก็มีเกิดขึ้นมาด้วย จึงลองไปสมัครเพื่อทดลองทำดู (2549) ด้วยเหตุที่อายุเราก็ไม่น้อยแล้ว เพลงในยุคใหม่ ๆ ก็ฟังน้อยเหลือเกิน แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากคุณชลิต วงษ์สกุล (ดีเจเต้) เป็นอย่างดี จึงพอจะทำได้ แต่เนื่องด้วยการควบคุมระบบทั้งหลาย ใช้คอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญ โชคดีที่ใช้คอมพิวเตอร์มานานพอควร จึงสะดวกขึ้น